ฟ่านเสียน เป็นบุตรชายนอกสมรสของรองเสนาบดีคลัง "ฟ่านเจี้ยน" และมารดา "เย่ชิงเหมย" เติบโตมาโดยได้รับการเลี้ยงดูจากท่านย่า และอาศัยอยู่ที่เมืองต้านโจวมาตั้งแต่เด็ก ฟ่านเสียนมีรูปโฉมที่งดงามหาใครเปรียบ ดูเผินๆอาจเห็นว่ามีนิสัยอ่อนแอ แต่แท้จริงเป็นคนเด็ดเดี่ยว, ใจดี แต่ก็เจ้าเล่ห์, ฉลาด แต่ก็ดื้อรั้นขวางโลก

ฟ่านเสียนในวัยเด็ก มีโอกาสได้เรียนรู้ทักษะด้านการแพทย์และพิษวิทยาอันยอดเยี่ยม จาก "เฟ่ยเจี้ย" หัวหน้ากองสามประจำสำนักตรวจสอบแห่งหนานชิ่ง นอกจากนี้เขายังได้เรียนรู้วรยุทธ์และการฝึกลมปราณจาก "ท่านอาอู่จู๋" อีกด้วย

แม้จะเกิดมาในยุคก่อตั้งราชวงศ์ แต่แท้จริงแล้วฟ่านเสียนเกิดมาพร้อมกับความรู้จากยุคเจริญก้าวหน้า แห่งศตวรรษที่ 21 ด้วยความรู้เกี่ยวกับสังคมสมัยใหม่ และความสามารถด้านการจำที่เป็นเลิศ เขาสร้างเรื่องราวมากมายในโลกหลังการเดินทางนี้ และทำให้ชื่อของเขาเป็นที่จดจำไปทั่วทั้งอาณาจักร

หลินหว่านเอ๋อร์ คู่หมั้นของฟ่านเสียน มีฐานะเป็นองค์หญิงแห่งหนานชิ่ง หลินหว่านเอ๋อร์เป็นบุตรีนอกสมรสของอัครมหาเสนาบดี "หลินรั่วฝู่" กับ "หลี่อวิ๋นรุ่ย" ซึ่งเป็น จ่างกงจู้ (องค์หญิงใหญ่ พระขนิษฐาของจักรพรรดิ)

หลินหว่านเอ๋อร์มีร่างกายอ่อนแอ และมักป่วยบ่อยๆมาตั้งแต่เด็ก เธอต้องกินยาทุกวัน หลีกเลี่ยงของมันและอาหารคาวทุกชนิด อย่างไรก็ตามหลินหว่านเอ๋อนั้นกลับชอบความอร่อยของน่องไก่เป็นอย่างยิ่ง เธอจึงมักจะหาโอกาสแอบเข้าครัวไปขโมยกินน่องไก่อย่างลับๆอยู่เสมอ

เนื่องจากฮ่องเต้แคว้นชิ่งได้มีพระราชกฤษฎีกาว่า ผู้ที่ได้แต่งงานกับหลินหว่านเอ๋อร์จะได้รับสืบทอดเป็นผู้ดูแลพระคลังในของราชวงศ์ อย่างไรก็ตามเธอตั้งมั่นว่า "บุคคลที่เธอจะแต่งงานด้วย จะต้องเป็นคนที่เธอชอบพอเท่านั้น" และในวันหนึ่ง หลินหว่านเอ๋อร์ก็ได้พบกับฟ่านเสียนโดยบังเอิญ ทั้งสองต่างตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกพบ

อู่จู๋ ชายลึกลับที่มาพร้อมผ้าปิดตาสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ มีบุคลิกเงียบขรึม และมีหน้าตาหล่อเหลาที่ดูเหมือนจะไม่มีวันแก่ วรยุทธ์ของเขานั้นไม่อาจหยั่งรู้ได้ว่าถึงขั้นใด แต่ก็สูงมากพอจนสามารถประมือกับปรมาจารย์ทั้งสี่ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ แต่ตัวเขากล่าวเองว่าเขาไม่ได้มีกำลังภายใน มีเพียงแค่วรยุทธ์ จึงไม่สามารถที่จะเทียบเคียงชั้นกับปรมาจารย์ได้

อู่จู๋เคยติดตาม "เย่ชิงเหมย" เมื่อสามสิบปีก่อน และเป็นผู้รับใช้ที่ภักดีที่สุดของเย่ชิงเหมย เมื่อเย่ชิงเหมยถูกลอบสังหารในเรือนไท่ผิง ระหว่างเขานั้นได้ต่อสู้อยู่บนวิหารเทพ และได้สูญเสียความทรงจำบางส่วนไป เมื่อกลับมาก็พบว่าไม่สามารถช่วยเหลือเย่ชิงเหมยได้ทัน อู่จู๋จึงพาฟ่านเสียน หลบหนีอันตรายไปยังเมืองต้านโจว

อู่จู๋เติบโตมากับฟ่านเสียน และเป็นผู้ฝึกวรยุทธ์ให้เขา อู่จู๋จึงเปรียบเสมือนญาติคนสนิทที่สำคัญที่สุดของฟ่านเสียน

เฉินผิงผิง ผู้นำสำนักตรวจสอบผู้มากความสามารถ เติบโตมาโดยเป็นเพื่อนเล่นวัยเด็ก ของฮ่องเต้แคว้นชิ่งร่วมกับ "เฟ่ยเจี้ย"

ในอดีตฮ่องเต้แคว้นชิ่งเคยกรีธาทัพบุกตีแคว้นเป่ยฉี แต่กลับพลาดท่า ใกล้สิ้นชีวิตอยู่ในวงล้อมของศัตรู แต่ก็เป็นเฉินผิงผิงที่นำทัพทหารม้าดำเร่งเดินทางไกลกว่าพันลี้ ฝ่าวงล้อมและช่วยเหลือฮ่องเต้แคว้นชิ่ง ให้รอดชีวิตได้ในที่สุด กองทัพทหารม้าเฮยฉีและเฉินผิงผิงจึงเป็นที่โจษจันไปทั่วดินแดน ว่าเป็นผู้มีความสามารถ กล้าหาญ และน่ากลัวอย่างที่สุด

เฉินผิงผิงชอบและสนใจในความคิดและความสามารถของเย่ชิงเหมย และเย่ชิงเหมยก็เคารพเฉินผิงผิงในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง หลังจากเย่ชิงเหมยถ่ายทอดปณิธาน ก่อตั้งสำนักตรวจสอบ เฉินผิงผิงก็ได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำสำนัก เมื่อเย่ชิงเหมยสิ้นชีวิตลง เฉินผิงผิงจึงใช้ทุกอย่างที่มีในมือทั้งกำลังและความสามารถ คอยช่วยเหลือฟ่านเสียนทุกครั้งที่ได้รับความยากลำบาก

จักรพรรดิแห่งหนานชิ่งผู้ยิ่งใหญ่ และเหมือนจะมีแผนการมากมายซ่อนอยู่ภายใต้สมองอันปราดเปรื่องของเขา ความทะเยอทะยานและความอดทนของเขานั้นเกินกว่าที่มนุษย์จะเอื้อมถึงได้ เขาสามารถใช้เวลาอันยาวนาน จัดการทุกอย่างเพียงทีละเล็กทีละน้อย ให้เป็นไปตามแผนการอันแยบยลที่เขาวางไว้

ไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไร แต่ที่แน่ชัดคือเขาเป็นผู้สร้างอำนาจทั้งปวงด้วยพรสวรรค์ของตัวเขาเอง

เพื่อการได้มาของอำนาจนั้น จักรพรรดิชิ่งพร้อมกำจัดภัยคุกคามต่าง ๆ ที่กำลังขวางทางของเขา นั่นรวมไปถึงการกำจัดข้าราชบริพารที่ภักดี หรือแม้แต่คนที่เขารัก ไม่ว่าจะต้องแลกมากับความสูญเสียมากมายก็ตาม

เยี่ยหลิวอวิ๋น หรือ เมฆลิ่วล่อง หัตถ์กำจาย แห่งแคว้นชิ่ง เป็นหนึ่งในสี่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่แข็งแกร่งพอ ๆ กับอู่จู๋ เมื่อครั้งที่เย่ชิงเหมยเข้ามาในเมืองหลวงเป็นครั้งแรก ได้พบเจอกับเยี่ยหลิวอวิ๋น ที่ต้องการล้างแค้นให้กับหลานชายของเขา เยี่ยหลิวอวิ๋นได้ต่อสู้กับอู่จู๋อย่างสมน้ำสมเนื้อ หลังจากเสมอกัน เยี่ยหลิวอวิ๋นได้ละทิ้งกระบี่ของเขา สร้างวรยุทธ์ของตนเอง และฝึกฝนจนกลายเป็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ในที่สุด

เยี่ยหลิวอวิ๋น ออกเดินทางท่องเที่ยวตลอดปีเพื่อสร้างสมดุลอำนาจให้กับตระกูลเยี่ยในหนานชิ่ง เขาได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้แคว้นชิ่งเป็นอย่างมาก ครั้งหนึ่งเยี่ยหลิวอวิ๋นเคยเดินทางไปยังเมืองต้านโจว และได้พบฟ่านเสียนในวัยเด็ก รวมถึงมีโอกาสได้ประมือกับอู่จู๋ในช่วงเวลาเพียงสั้นๆ จากนั้นก็แยกย้ายกันไป

ราชครูขู่เหอ เป็นหนึ่งในสี่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองเป่ยฉี และเป็นอาจารย์ของธิดาเทพ "ไห่ถังตั๋วตั่ว" ขู่เหอแท้จริงแล้วมีเชื้อสายราชวงศ์ และมีศักดิ์เป็นน้องชาย ของอดีตฮ่องเต้แห่งเป่ยฉี ดังนั้นเขาจึงรู้ความลับมากมายเกี่ยวกับราชวงศ์

ในวัยหนุ่ม ขู่เหอ ที่กำลังออกตามหาวิหารเทพ และยาอายุวัฒนะในแดนเหนือ ก็ได้พบกับ "เย่ชิงเหมย" ที่กำลังหลบหนีจากวิหารเทพแห่งนั้น เขาเข้าใจว่าเย่ชิงเหมยเป็นเทพของวิหาร ระหว่างการเดินทาง เย่ชิงเหมยมองเห็นความสามารถของขู่เหอ และได้มอบตำรายุทธ์เล่มหนึ่งให้กับเขา เขาตั้งใจฝึกฝนตามตำรา และในไม่ช้าก็กลายเป็นปรมาจารย์ผู้เก่งกาจในที่สุด

หลังจากกลายเป็นปรมาจารย์แล้ว ขู่เหอจึงรับหน้าที่ราชครู สั่งสอนลูกศิษย์มากมายจนเก่งกาจ รวมไปถึงใช้ความสามารถของตนปกป้องผู้คนนับพัน แต่ขู่เหอก็มิได้แสวงหาในอำนาจใด เพียงแต่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเท่านั้น

ซื่อกู้เจี้ยน หรือ กระบี่สี่ทัศนา หนึ่งในสี่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ และผู้พิทักษ์เมืองตงอี๋ วิชาดาบของเขารุนแรงแต่ก็สง่างาม เมื่อใดที่ดาบของเขาจะลงมือนั้น ไม่ว่าระหว่างการเคลื่อนไหวหรือนิ่งงันก็ไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้ทัน เพราะดาบของเขาจะถูกใช้ตามสำนึกที่เขาต้องการเท่านั้น

แม้ว่าซื่อกู้เจี้ยนจะเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองตงอี๋ แต่เขากลับถูกทุกคนรังแกมาตั้งแต่เด็ก ซื้อกู้เจี้ยนในวัยเด็กเป็นเด็กชายเงียบงันโง่เขลาที่ชอบนั่งจ้องมดไปวันๆเท่านั้น จนเจ้าเมืองตงอี๋ต้องเชิญ "เฟ่ยเจี้ย" หัวหน้ากองสามประจำสำนักตรวจสอบ แห่งหนานชิ่ง มาเป็นผู้รักษาอาการของเขา

ซื่อกู้เจี้ยนวัยเด็ก ได้พบกับเย่ชิงเหมย และอู่จู๋ ทั้งสองปฏิบัติกับเขาโดยไม่มองว่าเป็นคนประหลาด ซื่อกู้เจี้ยนจึงรู้สึกว่าได้รับการดูแลและเคารพเป็นครั้งแรก ในแบบที่เขาไม่เคยได้รับมาตลอดกว่าครึ่งชีวิต